ชื่อโครงการ |
อิมเพรสชั่น เอกมัย-สุขุมวิท 61 IMPRESSION Ekkamai-Sukhumvit 61 |
เจ้าของโครงการ |
ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเมนท์ / All Inspire |
เนื้อที่ทั้งหมด |
2 – 3 – 3.9 ไร่ |
จำนวนตึก |
- อาคารพักอาศัย 2 อาคาร
- อาคารจอดรถ 1 อาคาร
|
จำนวนชั้น |
- อาคาร A 25 ชั้น
- อาคาร B 43 ชั้น
- อาคาร C 9 ชั้น + 7 ชั้นใต้ดิน
|
จำนวนห้อง |
ประมาณ 380 ยูนิต |
ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
- 1 Bedroom : 30 – 30.5 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus : 41 – 48 ตร.ม.
- 2 Bedroom : 47 – 58.5 ตร.ม.
- 3 Bedroom : 77.5 – 95 ตร.ม.
- 2 Bed Duplex : 84.5 – 100.5 ตร.ม.
- 3 Bed Duplex : 134 – 139.5 ตร.ม.
- Penthouse : 165 – 183 ตร.ม.
|
ที่จอดรถทั้งหมด |
ประมาณ 85% และที่จอดรถ Super Car 15 คัน |
จำนวนลิฟต์ |
|
โซน |
สุขุมวิท – เอกมัย |
ขนส่งสาธารณะ |
- รถไฟฟ้า BTS เอกมัย
- ถนนสุขุมวิท
- ถนนเพชรบุรี
- ทางพิเศษฉลองรัช
- ทางพิเศษเฉลิมมหานคร
|
รถโดยสารที่ผ่าน |
n/a |
ที่ตั้ง |
ซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. |
กำหนดการ |
เริ่มก่อสร้าง ประมาณ ไตรมาส 4 ปี 2562 |
ปีที่สร้างเสร็จ |
ประมาณ ไตรมาส 4 ปี 2565 |
ราคา |
เริ่มต้น 4.8 ล้านบาท* |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม |
200,000 บาท/ตร.ม. |
ค่าส่วนกลางและกองทุน |
- ค่าส่วนกลาง 75 บาท /ตร.ม./เดือน
- เงินกองทุน 800 บาท /ตร.ม./ชำระครั้งเดียว
|
สถานที่สำคัญใกล้เคียง |
- Big C เอกมัย
- Park Lane เอกมัย
- Major Cineplex เอกมัย
- Gateway เอกมัย
- Bangkok Mediplex Center
- Arena 10
- Grass ทองหล่อ
- J Avenue ทองหล่อ
- The Taste ทองหล่อ
- @ 10 ทองหล่อ
- Tops ทองหล่อ
- Eight ทองหล่อ
- สถานีขนส่งเอกมัย
- ท้องฟ้าจำลอง
- W District
- ร.ร.นานาชาติเอกมัย
- ร.ร.นานาชาติ Bangkok Prep
- ม.กรุงเทพฯ กล้วยน้ำไท
- รพ.สุขุมวิท
- รพ.สมิติเวช สุขุมวิท
- รพ.คามิลเลียน ทองหล่อ
|
สิ่งอำนวยความสะดวก |
- Lobby
- Fitness
- Yoga Room
- Swimming Pool
- Simulator Room
- Private Party Room
- Impression Hall
- Kid Room
- Sauna
- Sky Garden
|
จุดเด่นของโครงการ |
IMPRESSION Ekkamai – Sukhumvit 61 จาก All Inspire คอนโดใหม่ย่านธุรกิจใจกลางเมือง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์หรูหราเหนือระดับ บนทำเลศักยภาพย่านเอกมัย ใกล้ BTS เอกมัย และ ทางด่วน |
คอนโด BTS เอกมัย / คอนโดติดรถไฟฟ้า BTS เอกมัย
คอนโดใกล้ BTS เอกมัย
คอนโดใกล้ BTS เอกมัย ฝั่งสุขุมวิทเลขคู่
:::: ที่ตั้งโครงการ ::::
พิกัด : 13.728679, 100.585578
ซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.
แผนที่จากทางโครงการ โครงการ IMPRESSION เอกมัย – สุขุมวิท 63 คอนโด High rise ระดับ Luxury ติดถนนเอกมัย ใกล้ Health Land และ Big C เอกมัย เพียง 1 กม.ถึงรถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัย เดินทางสะดวกใกล้ถนนสุขุมวิท, ถนนเพชรบุรี และทางด่วน 3 สายหลัก
ทำเลที่ตั้ง โครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 63 หรือที่เราเรียกกันอย่างคุ้นหูว่าถนนเอกมัย เป็นซอยที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนเพชรบุรี โดยตัวโครงการจะอยู่บริเวณเอกมัยตอนใต้ฝั่งตรงข้ามระหว่าง Health Land และ Big C เอกมัย ซึ่งจัดว่าเป็น Prime Zone ของถนนเส้นนี้ค่ะ ที่ดินในย่านนี้นับว่ามีราคาที่สูง เพราะมีความอุดมสมบูรณ์มากๆ เป็นย่านที่มีสีสันอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่คึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน ถือเป็นอีกย่านหนึ่งที่ไม่เคยหลับใหลเพราะเป็นแหล่งของการสังสรรค์และเข้าสังคม ขึ้นชื่อเรื่องร้านอาหารชิคๆ เก๋ๆ, สถานบันเทิงที่มีชื่อ และ Community Mall อีกทั้งยังเป็นทำเลทองของย่านธุรกิจรวมพวก Office Building เอาไว้ นอกจากนี้ยังมีคอนโดระดับ Luxury และ Residential Building อยู่อีกหลายเจ้า ซึ่งย่านนี้เป็นที่อยู่อาศัยของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ และก็ยังเป็นโซนที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นอย่างมากอีกด้วย
เดิมทีถนนทองหล่อที่อยู่คู่ขนานกับถนนเอกมัยนั้นจะได้คะแนนนิยมที่สูงกว่า แต่ปัจจุบันถนนทองหล่อนั้นมีความหนาแน่นที่สูงมาก ถนนเอกมัยจึงถูกพัฒนาเพื่อรองรับ Demand ของที่อยู่อาศัยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำเลนี้ก็นับว่าเป็นทำเลศักยภาพที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เพราะมีความคล่องตัวทั้งการใช้ชีวิตและการเดินทางเข้า – ออกเมืองที่สะดวกค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ ถนนเอกมัยเป็นเส้นที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนเพชรบุรี ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่รู้ๆ กันอยู่ว่าติดหนึบทีเดียว เนื่องด้วยปริมาณของคนที่อยู่อาศัย, ทำงาน และสัญจรผ่านไปมาก็ได้ใช้ถนนเอกมัยเป็นเส้นทางสำหรับเข้า – ออกเมืองฝั่งสุขุมวิท จึงพลอยทำให้ถนนเส้นนี้มีการจราจรที่หนาแน่นไปด้วย ตัวโครงการนั้นตั้งอยู่บริเวณต้นซอยจึงค่อนข้างได้เปรียบในการเดินทางค่ะ ข้อดีของเส้นเอกมัยก็คือมีทางลัดให้เลี่ยงรถติดได้หลายทาง เช่น ซอยเอกมัย 5, 19 และ 21 ใช้เชื่อมต่อกับเส้นทองหล่อ กับ ซอยเอกมัย 12 และ 28 เชื่อมกับต่อเส้นปรีดี พนมยงค์ ซึ่งเป็นถนนคู่ขนานที่อยู่ทั้ง 2 ฝั่ง นอกจากนี้ยังมีทางลัดที่สามารถใช้เลี่ยงรถติดตรงปากซอยเอกมัยได้ นั่นก็คือซอยเอกมัย 10 หรือตรง Heath Land จะสามารถใช้วิ่งลัดเลาะมาออกที่บริเวณซอยสุขุมวิท 65 ได้ ถ้าต้องการเข้าเมืองทางถนนพระราม 4 ก็จะมีซอยสุขุมวิท 36 และ 40 ฝั่งตรงข้าม ใช้เชื่อมไปออกพระราม 4 ได้ ส่วนซอยสุขุมวิท 42 ก็สามารถใช้เชื่อมจากถนนพระราม 4 เข้ามายังถนนสุขุมวิทได้ค่ะ
นอกจากนี้ตัวโครงการยังใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์, ทางพิเศษศรีรัช และ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทั้งขาเข้าและออกเมืองอีกด้วย จะเห็นว่าจากโครงการนั้นสามารถเลือกใช้เส้นทางได้หลากหลาย ทั้งจากถนนสุขุมวิทไปทางสยาม, ถนนเพชรบุรีไปทางพญาไท หรือถนนพระราม 4 ไปทางสาทร – สีลม ก็ได้ทั้งนั้น ถึงแม้ว่าถนนโดยรอบจะเป็นถนนที่รถติด แต่ทุกเส้นพอจะมีทางลัดเอาไว้ให้พอลัดเลาะเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรบางช่วงได้อยู่บ้างค่ะ
ทางด่วน ตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับจุดขึ้นทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ถึง 2 จุดด้วยกัน ถ้าจะออกไปทางรามอินทรา – วัชรพล หรือเชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัชไปทางปากเกร็ดหรือชลบุรี จะขอแนะนำให้ใช้จุดขึ้นทางด่วนตรงถนนเพชรบุรี – พัฒนาการค่ะ จะได้ไม่อ้อม โดยเราจะวิ่งจากถนนเอกมัยไปเข้าถนนเพชรบุรีเลยก็ได้ หรือจะใช้ทางลัดเข้าซอยเอกมััย 12 ไปออกปรีดี พนมยงค์ เข้าถนนเพชรบุรี และเลี้ยวซ้ายขึ้นทางยกระดับตรงแยกใต้ด่วนพัฒนาการค่ะ
อีกจุดขึ้นทางด่วนนึงที่อยู่ไม่ไกลก็คือทางพิเศษเฉลิมมหานคร ใช้ออกเมืองไปทางพระราม 2 จากถนนสุขุมวิทไปถนนพระราม 4 ผ่านซอยสุขุมวิท 40 และจากถนนพระราม 4 วิ่งผ่านถนนกล้วยน้ำไทเข้าถนนอาจณรงค์เพื่อขึ้นทางด่วนค่ะ
:: สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ ::
- ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) : 750 ม.
- ถนนสุขุมวิท : 1.0 กม.
- ซอยสุขุมวิท 71 (ปรีดี พนมยงค์) : 1.3 กม.
- ถนนเพชรบุรี : 1.8 กม.
- แยกเอกมัยเหนือ : 1.9 กม.
- แยกพระโขนง : 2.1 กม.
- ถนนพระราม 4 : 2.5 กม.
- แยกอโศก : 4.1 กม.
- แยกเพชรบุรี : 4.6 กม.
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ การเดินทางด้วยรถสาธารณะก็นับว่าสะดวกสุดๆ เพราะที่หน้าโครงการเองก็มีรถสาธารณะวิ่งผ่านอยู่ตลอดเวลา ทั้งรถเมล์สาย 23, 72 และ 545ร รถแท็กซี่ก็เรียกได้ไม่ยาก ส่วนคิววินมอเตอร์ไซค์ก็อยู่ตรงหน้าปากซอยเอกมัย 8 เองค่ะ
ในส่วนของรถไฟฟ้า BTS สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีเอกมัย จากหน้าโครงการเดินไปประมาณ 1 กม.พอดี หรือใช้เวลาประมาณ 12 นาทีก็ถึงทางขึ้นสถานีแล้ว ถ้าเรานั่งไปถึง Terminal 21 ลงที่ สถานีอโศก จะเป็นสถานี Interchange กับ MRT สถานีสุขุมวิทค่ะ ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเทาวิ่งมาจากวัชรพลผ่านถนนประดิษฐ์มนูธรรมเส้นทองหล่อมา Interchange ที่สถานีทองหล่ออีกด้วย ถ้าจะนั่งขึ้นไปทางวัชรพลไปแถวๆ CDC และเซ็นทรัลอีสต์วิลล์ จากตัวโครงการไปขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีทองหล่อ 10 จะสะดวกที่สุด
จากบริเวณหน้าโครงการเดินเลียบถนนเอกมัยมาแล้วเลี้ยวซ้ายตรงแยกก็จะเห็นทางขึ้นรถไฟฟ้าสถานีเอกมัยแล้วค่ะ ตรงนี้คือทางออกที่ 1 นะ ถ้าเราจะไป Gateway เอกมัยก็ให้ลงที่ทางออกที่ 4 ค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ ความอุดมสมบูรณ์ของถนนเอกมัยจะโดดเด่นอยู่ตรงช่วงเอกมัยตอนใต้ใกล้กับถนนสุขุมวิทตลอดทั้ง 2 ข้างทาง ใกล้กับตัวโครงการมากที่สุดจะมี Big C เอกมัย ข้างๆ กับ Index Living Mall ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ในฝั่งเดียวกันจะมี Park Lane เป็น Life Style Mall ภายในรวบรวมร้านค้า, ร้านอาหารหลากแนว, สปา, ซุปเปอร์มาร์เก็ต, ศูนย์การเรียนรู้ และสวนสนุกของคุณหนู เอาไว้ ส่วนที่เป็นที่นิยมก็จะอยู่ตรงซอยเอกมัย 5 หรือซอยทองหล่อ 10 ที่เชื่อมระหว่างเอกมัยกับทองหล่อ ตรงนั้นจะมีร้านอาหารชิคๆ ดังๆ บรรยากาศดีให้เราไปนั่งสวยๆ ชิลล์ๆ ได้ อยู่ไม่ไกลจากตัวโครงการด้วยค่ะ ส่วนตรงเอกมัยตอนเหนือใกล้ถนนเพชรบุรีความคึกคักและสีสันจะลดลงมาหน่อย จะเป็นพวกร้านค้าและร้านอาหารแนว Street food มากกว่า ในซอยแจ่มจันทร์ก็มีร้านที่น่าสนใจหลายร้านค่ะ
ออกมาที่เส้นสุขุมวิทในระยะใกล้ๆ จะมีศูนย์การค้าอย่าง Gateway เอกมัย ตกแต่งเอาใจคอญี่ปุ่น, Major เอกมัย, Rain Hill, ท้องฟ้าจำลอง, Tops market ถ้านั่งรถไฟฟ้าไปแค่ 2 สถานีก็ถึง Emquatier กับ Emporium ซึ่งในอนาคตก็จะมี Emsphere อยู่ฝั่งเดียวกับ Emporium ติดกับสวนเบญจสิริอีกด้วย
:: สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ ::
ห้างสรรพสินค้า
- บ้านเพื่อนเอกมัย : 140 ม.
- Big C เอกมัย : 160 ม.
- Park Lane : 650 ม.
- J Avenue : 1.0 กม.
- Major เอกมัย : 1.1 กม.
- Tops ทองหล่อ : 1.2 กม.
- Gateway เอกมัย : 1.2 กม.
- The Commons : 1.7 กม.
- Rain Hill : 2.4 กม.
- The EmQuatier : 3.0 กม.
- Emporium : 3.1 กม.
- สวนเพลิน มาร์เก็ต : 3.5 กม.
- K Village : 3.8 กม.
- Terminal 21 : 4.2 กม.
สถานศึกษา
- รร.นานาชาติ เอกมัย : 1.0 กม.
- รร.มัถยมวัดธาตุทอง : 1.2 กม.
- รร.ศรีวิกรม์ : 1.4 กม.
- รร.ปทุมคงคา : 1.5 กม.
- ม.กรุงเทพ : 2.6 กม.
- รร.สาธิตฯ ประสานมิตร : 4.2 กม.
- ม.ศรีนครินทรวิโรฒ : 5.0 กม.
ศูนย์การแพทย์
- รพ.สุขุมวิท : 1.3 กม.
- รพ.สมิติเวช : 1.7 กม.
- รพ.กล้วยน้ำไท : 2.0 กม.
- รพ.กรุงเทพ : 2.9 กม.
- รพ.ปิยะเวช : 4.2 กม.
- รพ.พระราม 9 : 5.3 กม.
อื่นๆ
- วัดธาตุทอง : 1.1 กม.
- ท้องฟ้าจำลอง : 1.1 กม.
- สวนเบญจสิริ : 3.1 กม.
- ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ : 5.4 กม.
- สวนเบญจกิติ : 5.6 กม.
สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน
- การไฟฟ้านครหลวง เขตลาดพร้าว – บางกะปิ : 3.1 กม.
:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::
วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo มีภาพการเดินทางไปสู่ตัวโครงการ โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาฝากกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก
ทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ > ถ.พัฒนาการ > ถ.เพชรบุรี > ซ.สุุขุมวิท 63 (เอกมัย) > โครงการ IMPRESSION เอกมัย – สุขุมวิท 63
วันนี้เราจะเริ่มต้นการเดินทางจากบนทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์กันค่ะ โดยจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 20 นาที เราจะมุ่งหน้าไปทางบางนา – ดาวคะนองนะ
มุ่งหน้าไปตามป้ายบางนา – ดาวคะนอง
สังเกตป้ายถนนพัฒนาการเอาไว้แล้วชิดซ้ายเตรียมลงที่ทางออก 5
ชิดซ้ายแล้วลงที่ทางออก 5 เลย
เมื่อขับลงมาจากทางด่วนแล้วจะมีทางแยก 2 ทางเพื่อเข้าถนนพัฒนาการแบบนี้ ให้เราชิดขวาเพื่อออกไปทางถนนเพชรบุรี
เมื่อเลี้ยวขวามาแล้วบนเส้นพัฒนาการจะเจอคอนโด The Leaf อยู่ทางฝั่งซ้ายมือค่ะ ให้เราขับชิดเลนซ้าย หรือขึ้นสะพานข้ามแยกก็ได้เหมือนกัน
ถ้าไม่ได้ขึ้นสะพานให้เราขับไปตามป้ายเพชรบุรี
จะมาเจอแยกไฟแดงแบบนี้ให้เราอยู่เลนกลางเพื่อข้ามแยกค่ะ ถ้าออกซ้ายจะเข้าซอยสุขุมวิท 71 หรือปรีดี พนมยงค์นั่นเอง ทางนั้นก็สามารถใช้เดินทางไปตัวโครงการได้เช่นกันนะ
เมื่อเราขับข้ามแยกมาแล้วจะเข้าถนนเพชรบุรี เป็นจุดที่สะพานข้ามแยกเมื่อสักครู่ขับมาลงพอดีค่ะ
จากนั้นให้เราขับชิดซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 63 หรือเอกมัยนั่นเอง
เมื่อเราเข้าถนนเอกมัยมาแล้วจะเห็นตึก SSP Tower 1 เด่นสง่าอยู่ทางขวามือของเราก่อนเลย ตรงนี้จะเป็นเอกมัยตอนเหนือค่ะ
เราขับตรงไปเรื่อยๆ จะผ่านซอยเอกมัย 12
ให้เลยไปอีกจะขับผ่านซอยเอกมัย 10 และ Health Land
พอขับเลย Health Land ไปแล้วจะเห็น Sales Gallery อยู่ทางฝั่งขวามือค่ะ
ภาพ Sales Gallery แบบชัดๆ ที่ออกแบบมาในสไตล์ Futuristic โดดเด่น หรูหรา และดูล้ำสมัย จากแนวคิด DESIGN TO IMPRESS
:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::
ตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนเอกมัยฝั่งตรงข้ามระหว่างซอยเอกมัย 8 และซอยเอกมัย 10 ซึ่งบริบทโดยรอบของโครงการก็จะมีทั้งอาคารพาณิชย์สูง 3 – 6 ชั้น, Office Building, Residential Building, ร้านค้า, ร้านอาหาร, Night Club และบ้านพักอาศัยของคนในละแวกนั้นค่ะ โดยรวมแล้วจะไม่มีอาคารสูงมาบังวิวของตัวโครงการเลย ยกเว้นบริเวณ The Millard ที่เป็นอพาร์ทเม้นท์สูง 8 ชั้นที่อาจจะมีผลต่อการบังวิวในระยะใกล้ของห้องโซนนั้นบ้าง
- ทิศเหนือ ติดกับ Car Care และ บ้านพักอาศัยสูง 3 ชั้น
- ทิศใต้ ติดกับ Sherbet Night Club และ The Milliard อพาร์ทเม้นท์สูง 8 ชั้น
- ทิศตะวันออก ติดกับ ซอยสุขุมวิท 63
- ทิศตะวันตก ติดกับ บ้านพักอาศัยสูง 4 ชั้น
เดี๋ยวเราจะมาเดินสำรวจบริเวณโดยรอบโครงการกันค่ะว่าจะมีบรรยากาศเป็นอย่างไรบ้าง โดยตัวโครงการจะอยู่ติดกับถนนเอกมัยเลย ฝั่งตรงข้ามจะเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลค่ะ
เริ่มจากเดินมุ่งหน้าไปทางฝั่งเพชรบุรี ฝั่งซ้ายมือติดกับตัวโครงการจะเป็น Car Care
ที่ด้านหน้าเป็นป้ายรถเมล์พอดี
ติดๆ กันเป็นร้านอาหารไทยที่ชาวต่างชาติก็ทานได้ คนไทยก็ทานดี รสชาติไม่แรงจัดจ้านจนเกินไป
มองไปที่ฝั่งตรงข้ามคือ Heath land เป็น Spa&Massage ที่มีบริการนวดอย่างหลากหลาย ราคาก็ไม่แรงตามย่านค่ะ
และมีร้านขายของแฟชั่นสไตล์วินเทจ
เดินมาไม่ไกลก็จะมีคลินิก Grand Esta ครบครันด้านการเสริมความงาม
ร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์ เข้าไปด้านในจะมีร้านกาแฟ Greyhound Coffee ด้วยนะ
ถัดมาข้างซอยเอกมัย 3 ก็คืออาคารสำนักงาน Modern Town
เลยไปหน่อยก็จะเป็นช่วงของอาคารพาณิชย์ค่ะ ชั้นล่างเปิดเป็นร้านค้า, กิจการ และร้านอาหารต่างๆ
อย่างตรงนี้ก็มีร้าน Rocky Rooster Cafe ขายกาแฟและอาหารง่ายๆ อย่างพวกแซนวิช
ฝั่งตรงข้ามมีร้าน Ekkanek เป็น Bar&Bistro ชั้นบนเปิดเป็น Hostel ข้างๆ กันมีร้าน Broken Eggs เป็นร้านอาหารสเปนประเภท Tapas สไตล์ดั้งเดิม
เราเดินไปอีกไม่ไกลก็จะถึงแยกระหว่างซอยเอกมัย 5 และ 12 ที่สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งทองหล่อและปรีดี พนมยงค์ค่ะ
ซึ่งตรงแยกนี้เลยก็จะมีเซเว่นขนาดใหญ่อยู่ 1 สาขา
คราวนี้เรากลับมาที่บริเวณด้านหน้าโครงการกันใหม่ เดี๋ยวเราจะเดินมุ่งหน้าไปทางฝั่งสุขุมวิทกันบ้าง
ติดกับตัวโครงการเลยก็คือร้าน Sherbet เป็น Nightlife Club ค่ะ
ติดกับ Sherbet เป็นร้านอาหารคุณหญิง ที่ขายอาหารไทยรสชาติดั้งเดิมมาหลายสิบปีแล้วค่ะ
เดินไปไม่ไกลมีร้าน Piano Forte เป็น Nightlife Club เช่นกัน
ที่ฝั่งตรงข้ามข้างๆ ซอยเอกมัย 8 ก็คือ Big C และ Index Living Mall เป็น Hypermarket ที่อยู่ใกล้กับตัวโครงการมากที่สุด
ภายในก็จะมีร้านอาหาร, ธนาคาร และ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ครบครัน สะดวกสบายต่อการใช้ชีวิตมากๆ
ถัดจาก Big C ตรงหัวมุมซอย 6 ก็คือร้าน Light Loft เป็นร้านแนวไลฟ์สไตล์คาเฟ่และโชว์รูม Lighting ภายในมีเครื่องดื่มพวกกาแฟ, เบียร์ และขนมหวานง่ายๆ พวกวาฟเฟิล, แพนเค้ก และบราวนี่ คอยให้บริการ
ไม่ไกลกันก็จะเจออาคารกสิกรไทยค่ะ
ตรงซอยเอกมัย 2 ภายในจะมีเวิ้งร้านอาหารและร้านนั่งชิลล์อยู่อีกหลายร้าน
ตรงหัวมุมเลยคือร้าน Ekamai Beer House พอช่วงเย็นๆ ก็จะเริ่มมีคนมานั่งจิบเบียร์กันแล้ว ตอนกลางคืนก็จะคึกคักมากขึ้น
เดินเลยมาอีกหน่อยเราจะเจอ 7 – Eleven อีก 1 สาขาค่ะ
กลับมาที่ฝั่งเดิมคือ Park Lane ภายในมีทั้งร้านค้า, ร้านอาหาร, ซุปเปอร์มาร์เก็ต, ศูนย์การเรียนรู้ รวมถึงสวนสนุกด้วยนะ
ยังมีร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อ Kuroda เปิดให้บริการคออาหารญี่ปุ่นด้วย จะเลือกเป็นบุฟเฟ่ต์ก็ได้นะ
เดินมาเรื่อยๆ จากหน้าโครงการเกือบ 1 กม.แล้ว ก็จะถึงสามแยกเข้าสู่ถนนสุขุมวิท
จากจุดนี้ให้เราเดินข้ามฟากเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าสถานีเอกมัยค่ะ
พอเดินข้ามฟากไปเราก็จะถึงทางขึ้นตัวสถานีเลย ทางจะเป็นบันไดต้องเดินขึ้นเอา
เดินขึ้นไปบนสถานีมองลงมาที่ถนนสุขุมวิท บางช่วงเวลารถก็จะหนาแน่นกว่านี้เยอะค่ะ ฝั่งซ้ายมือคือทางเดินเชื่อมไปยัง Major เอกมัยเมื่อสักครู่นะคะ
เดินเข้ามาในตัวสถานี ถ้าจะเข้าซอยเอกมัยให้เราออกที่ทางออกหมายเลข 1
จากบนสถานีเราสามารถเดินเชื่อมไปยัง Gateway เอกมัยได้เช่นกัน โดยให้ใช้ทางออกหมายเลข 4 ค่ะ
ตอนนี้เรากลับมาที่หน้า Sales Office กันแล้ว ภายนอกออกแบบมาในสไตล์ Futuristic โดดเด่น หรูหรา และดูล้ำสมัยด้วยผนังกระจกสีดำ จากแนวคิด DESIGN TO IMPRESS ประดุจเป็น Landmark ของเส้นเอกมัย เดี๋ยวเราจะเข้าไปดูภายในด้วยกันเลยค่ะ
ภายในสำนักงานขายก็มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายคอยต้อนรับ, ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวโครงการ และพาไปดูห้องตัวอย่างค่ะ ส่วนต้อนรับด้านหน้าเปิดเพดานสูงให้ดูโปร่ง ดูหรูด้วยพื้นลายหินสีดำ และเพิ่มความอบอุ่นด้วยผนังตกแต่งสีไม้อ่อนๆ
พื้นที่นั่งพักคอยภายในสำนักงานขาย บรรยากาศหรูหราแบบสบายๆ
:::: ตัวโครงการ ::::
มาดูข้อมูลเจาะลึกตัวโครงการกันต่อค่ะ โครงการเป็นคอนโดมิเนียมระดับ Luxury มี 2 อาคาร อาคาร A สูง 25 ชั้น และอาคาร B สูง 43 ชั้น จำนวน 380 ยูนิต และอาคาร C เป็นอาคารจอดรถ สูง 9 ชั้น + ชั้นใต้ดิน 7 ชั้น บนเนื้อที่ 2 – 3 – 3.9 ไร่ มีห้อง 7 แบบคือ 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus, 2 Bedroom, 3 Bedroom, 2 Bed Duplex, 3 Bed Duplex และ Penthouse ขนาดเริ่มต้นที่ 30 – 183 ตร.ม. ออกแบบตัวอาคารมาในสไตล์ Futuristic ที่โดดเด่น หรูหรา และดูล้ำสมัย จากความตั้งใจที่ออกแบบเพื่อให้เป็น Landmark ของเส้นเอกมัยด้วยแนวคิด DESIGN TO IMPRESS
ซึ่งเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความทันสมัย อยู่ใกล้กับแหล่งความเจริญและการสังสรรค์ แต่ก็ยังช่วยให้ความผ่อนคลายจากความวุ่นวายของการใช้ชีวิตในเมืองในทุกๆ วันตลอดปี พร้อม Urban Forest Courtyard ภายใต้แนวคิด HIDEAWAY WITH A TWIST ที่เน้นความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวเหมาะแก่การพักผ่อน อีกทั้ง Facilities อย่างครบครันทั้ง Lobby, Fitness, Yoga Room, Swimming Pool, Sauna, Simulator Room, Private Party Room, Impression Hall, Kids Room, Sky Garden, Auto Parking, Super Car parking, Access Card Control System, CCTV และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
ภาพซ้าย โมเดลของโครงการฝั่งทิศตะวันออก จะเห็นว่าตัวโครงการอยู่ติดถนนเอกมัยเลยค่ะ ตึกที่อยู่ด้านหน้าสุดก็คือตึก A ภาพขวา โมเดลโครงการฝั่งทิศตะวันตก ตึกด้านหลังสุดก็คือตึก C ที่เป็นอาคารจอดรถ
ภาพโมเดลโครงการฝั่งทิศใต้
และภาพโมเดลฝั่งทิศเหนือ เราทำกราฟฟิกมาให้ดูคร่าวๆ เพื่อให้สามารถทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้นดังนี้ค่ะ
อาคาร A : เป็นอาคารพักอาศัยที่อยู่ติดกับถนนเอกมัย มีความสูงที่ 25 ชั้น
- ชั้นที่ 1 จะประกอบด้วย Impression Welcome Lobby, Mailbox Room และ Lift Lobby
- ชั้นที่ 2 – 23 เป็นชั้นพักอาศัย โดยมีห้องพักอาศัยสูงสุดทั้งหมดเพียง 4 ห้อง/ชั้น นับว่าได้ความเป็นส่วนตัวสูง มีห้องพักอาศัยขนาด 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus, 2 Bedroom และ 3 Bedroom Floor to Ceiling สูง 2.9 เมตร รวมแล้วมีห้องพักอาศัยภายในอาคารทั้งหมดเพียง 70 ยูนิตเท่านั้น
- ชั้นที่ 24 เป็นชั้นห้องเครื่อง
- ชั้นที่ 25 เป็น Kids Room
- ชั้น Rooftop เป็น Sky Garden ซึ่งจะเชื่อมต่อส่วน Facilities ชั้น 26 ของอาคาร B ด้วย Sky Bridge พื้นกระจกค่ะ
อาคาร B : เป็นอาคารพักอาศัยถัดเข้ามาจากอาคาร A มีความสูงที่ 43 ชั้น
- ชั้นที่ 1 จะประกอบด้วย Lobby, Impression Private Hall, Mailbox Room และ Lift Lobby ภายนอกมีที่จอดรถ Super Car อีก 15 คัน + EV Charger อีก 4 จุด
- ชั้นที่ 2 – 7 เป็นชั้นพักอาศัย มีจำนวนยูนิตสูงสุดที่ 12 ยูนิต/ชั้น มีห้องพักอาศัยขนาด 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus, 2 Bedroom และ 3 Bedroom Floor to Ceiling สูง 2.9 เมตร
- ชั้นที่ 8 – 25 เป็นชั้นพักอาศัยแบบ Duplex ทั้งหมดขนาด 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus, 2 Bedroom และ 3 Bedroom Floor to Ceiling ชั้นล่างสูง 2.9 เมตร และชั้นบนสูง 2.7 เมตร
- ชั้นที่ 26 เป็นชั้น Main Facilities ของโครงการ ประกอบด้วย Lap Pool ขนาด 11 x 28 เมตร ใช้สระระบบเกลือ, Kids Pool, Beverage Lounge และ Steam&Sauna
- ชั้นที่ 26m ยังอยู่ในส่วนของ Main Facilities ค่ะ ประกอบด้วย Fitness, Yoga Room และ Simulator Room
- ชั้นที่ 27 – 42 เป็นชั้นพักอาศัยแบบ Duplex ทั้งหมด รวมแล้วมีห้องพักอาศัยภายในอาคารทั้งหมด 310 ยูนิต
- ชั้นที่ 43 เป็น Facility ชั้นสูงสุดของโครงการ มี Private Party Room ที่สามารถใช้จัดงานหรือปาร์ตี้ได้ โดยสามารถ Take View เมืองได้แบบ 360 องศา
อาคาร C : เป็นอาคารจอดรถแบบ Auto Parking สูง 9 ชั้น + ชั้นใต้ดิน 7 ชั้น สามารถจอดรถได้ทั้งหมด 326 คัน คิดเป็น 85% ต่อจำนวนยูนิตพักอาศัยภายในโครงการ อีกทั้งบนดาดฟ้ายังมีสวนพักผ่อน Sky Garden อีก 1 จุด
เรามาดูที่ผังอาคารชั้น 1 กันค่ะ ตัวโครงการจะเข้า – ออกเพียงฝั่งเดียวทางฝั่งถนนเอกมัย เมื่อตรงเข้ามาภายในโครงการแล้วจะมีจุด Drop – off ระหว่างอาคาร A และ B และถ้าขับตรงเข้าไปจะผ่าน Super Car Parking 15 คัน ด้านหลังสุดจะเป็นอาคาร C ทั้งอาคารเป็นที่จอดรถแบบ Auto Parking ทั้งหมด ข้อดีของการแยกอาคารจอดรถออกไปแบบนี้เลยก็คือจะช่วยทำให้ส่วนอาคารพักอาศัยมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า
จากจุด Drop – off เข้าสู่อาคาร A เป็น Impression Welcome Lobby ขนาดใหญ่ที่เชื่อมสู่ Mailbox และ Lift Lobby ภายในมีลิฟท์โดยสารทั้งหมด 2 ตัว ส่วนอาคาร B เมื่อเข้าสู่อาคารจะเป็นส่วน Lobby เชื่อมต่อ Mail Room, Impression Private Hall และ Lift Lobby มีลิฟท์โดยสาร 3 ตัว และ Service Lift อีก 1 ตัวค่ะ ส่วนห้องนิติบุคคลจะอยู่ที่อาคาร B ด้วยนะ
จะสังเกตได้ว่าบริเวณทางเข้าจะมีทางเท้าแยกให้คนเดินเข้าได้อย่างปลอดภัย และมีการจัด Landscape ตั้งแต่ด้านหน้าโครงการล้อมเข้ามาทางสวน Urban Forest Courtyard ด้านข้างฝั่งทิศใต้จนไปถึงด้านหลังโครงการ ช่วยสร้างบรรยากาศที่สวยงามและร่มรื่นน่าพักผ่อนมากยิ่งขึ้นค่ะ
กลับมาดูที่ตัวโมเดลกันบ้างค่ะ จากถนนเอกมัยเข้าสู่โครงการผ่านอาคาร A และ B ไปจอดรถที่อาคาร C ด้านหลัง สำหรับคนที่อยู่อาคาร A ถ้าไปจอดรถเสร็จอาจจะต้องเดินกลับตึกไกลกว่าหน่อย แต่ถือเป็นข้อดีสำหรับคนที่ใช้รถสาธารณะเพราะจะอยู่ใกล้ถนนมากกว่านะ ซึ่งการสัญจรของรถยนต์จะอยู่ที่ฝั่งนี้ (ทิศเหนือ) เพียงฝั่งเดียว
ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณทางเข้า – ออกโครงการ ล้อมด้วยรั้วสูง ใช้จังหวะของระแนงไม้ดีดูเรียบแต่หรู หลังรั้วเข้าไปปลูกด้วยต้นไม้ใหญ่เป็นเหมือน Barrier สร้างความเป็นส่วนตัว
ส่วนอีกฝั่งนึง (ทิศใต้) ออกแบบให้เป็นสวน Urban Forest Courtyard ที่เน้นความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับการผ่อนคลาย โดยส่วนนี้จะมี Pavilion แบบกระจกที่สามารถมองเห็นท้องฟ้าเปลี่ยนจากยามเย็นเป็นยามราตรีได้ และมี Sunken Area ลดระดับพื้นลงไปให้เราได้อยู่ใกล้ธรรมชาติมากขึ้น
ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Urban Forest Courtyard นอกจากจะสามารถใช้พักผ่อนหย่อนใจได้แล้ว ยังเป็นวิวให้กับ Lobby ภายในอาคาร A และ B ซึ่งออกแบบมาให้เป็น Double Volume Space กั้นด้วยผนังกระจกผืนใหญ่ดูโปร่งโล่ง เชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอก
ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณทางเข้า Impression Welcome Lobby อาคาร A ตกแต่งมาในสไตล์ Modern Luxury ใช้สีโทนขาวเป็นหลักด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน ดูหรูและทันสมัยด้วยผนังกระจกเงาสีดำและผนังลายไม้ซ่อนลูกเล่น Lighting อีกทั้งยังออกแบบพื้นที่ให้มีฝ้าสูง Double Volume และล้อมด้วยผนังกระจกทำให้ดูโปร่งโล่งน่าใช้งาน
ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Lobby อาคาร B มีการตกแต่งในสไตล์เดียวกันแต่จะมีขนาดที่กว้างขวางกว่าด้วยจำนวนยูนิตภายในอาคารที่เยอะกว่าค่ะ
ขึ้นมาดูที่ชั้นพักอาศัยกันต่อ ชั้นนี้คือชั้นที่ 6 ซึ่งเป็น Typical Floor Plan ที่อาคาร A จะมีจำนวนยูนิตพักอาศัยสูงสุดอยู่เพียง 4 ห้อง/ชั้น เท่านั้น และได้โถงทางเดินแบบ Single Corridor ส่วนอาคาร B จะมีจำนวนยูนิตพักอาศัยสูงสุดอยู่ที่ 11 ห้อง/ชั้น ได้โถงทางเดินแบบ Double Corridor นับว่าค่อนข้างเป็นส่วนตัวทีเดียว เพราะถือว่ามีจำนวนยูนิตต่อชั้นน้อยมาก
ห้องฝั่งทิศเหนือจะมีข้อได้เปรียบอยู่ตรงที่จะไม่โดนแดดช่วงบ่ายเลยจะเย็นกว่า ส่วนห้องฝั่งทิศใต้แม้จะโดนแดดมากกว่าแต่ก็มีข้อได้เปรียบตรงที่เป็นฝั่งที่อยู่ติดกับสวน สามารถ Take View ได้ และมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าเพราะไม่มีรถวิ่งผ่านเข้า – ออกด้วยค่ะ
ชั้นที่ 20 ที่อาคาร A จะมีจำนวนยูนิตพักอาศัยเหลือเพียง 2 ห้อง/ชั้น แล้วค่ะ นับว่าเป็นชั้นที่มีความเป็นส่วนตัวสูงมากๆ เรียกว่าแทบจะเป็น Penthouse ที่ไม่ต้องแชร์โถงลิฟท์และโถงทางเดินกับใครแล้ว ส่วนอาคาร B จะมีจำนวนยูนิตเหลือ 9 ห้อง/ชั้น นี่ก็นับว่าได้ความเป็นส่วนตัวสูงมากแล้วเช่นกัน
พูดไปแล้ว Traffic การใช้ลิฟท์ของอาคารก็ถือว่าต่ำมากเช่นกัน อย่างอาคาร A มีจำนวนห้องพักอาศัยทั้งหมด 70 ห้อง จึงมีอัตราการใช้ลิฟท์อยู่เพียง 1 : 35 ส่วนอาคาร B มีจำนวนห้องพักอาศัยทั้งหมด 310 ห้อง จึงมีอัตราการใช้ลิฟท์อยู่ที่ 1 : 104 ค่ะ
ชั้น Rooftop ของอาคาร A จะเป็นส่วน Sky Garden ที่ลูกบ้านสามารถใช้เป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจละชมวิวเมืองได้โดยรอบ ซึ่งชั้นนี้เองจะมี Sky Bridge เชื่อมต่อไปยังชั้นที่ 26 ของอาคาร B เป็น Main Facilities ของโครงการค่ะ ข้อดีก็คือลูกบ้านที่อยู่อาคาร A จะสามารถใช้ลิฟท์ขึ้นมาที่ชั้น Rooftop และเดินเชื่อมเข้าใช้งานส่วนกลางได้เลย โดยไม่ต้องลงไปที่ชั้นล่างเพื่อเข้าสู่อาคาร B แล้วขึ้นมาที่ชั้น 26 อีกที
Facilities บนชั้น 26 ก็จะประกอบด้วย Lap Pool ขนาด 11 x 28 เมตร ใช้เป็นสระระบบเกลือ, Kids Pool, Beverage Lounge และ Steam&Sauna เชื่อมต่อกับชั้น 26m ประกอบด้วย Fitness, Yoga Room และ Simulator Room
นอกจากนี้ที่ชั้นบนสุดของอาคารหรือชั้นที่ 43 จะเป็นส่วนของ Private Party Room สามารถใช้จัดงานหรือปาร์ตี้ได้ โดยสามารถ Take View เมืองได้แบบ 360 องศา
ภาพจำลองบรรยากาศส่วน Lap Pool แบบ Semi – outdoor ที่มีขนาดใหญ่ถึง 11 x 28 เมตร ออกแบบให้เป็นแบบ Infinity Edge Pool ไร้ขอบสระเชื่อมวิวเมืองกับพื้นผิวน้ำ ฝ้าเพดานออกแบบ Lighting มาเลียนแบบท้องฟ้าในยามค่ำคืนช่วยสร้างบรรยากาศได้เป็นอย่างดี โดยรอบสระจัดทั้ง Day Bed และชุดโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อนแบบสบายๆ ชิมบรรยากาศที่หรูหรา
ภาพจำลองบรรยากาศชั้น 26m ส่วน Fitness ที่ล้อมห้องด้วยกระจกใสทั้งหมด สามารถ Take View ลงมาที่สระว่ายน้ำหรือ Take View เมืองได้โดยรอบ
ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Yoga Room กั้นห้องด้วยกระจกใสสูงตั้งแต่พื้นจรดฟ้าเพดาน สามารถ Take View ของ Lighting ที่สวยงามยามค่ำคืนได้ นอกจากนี้จากห้อง Yoga จะมีระเบียงให้สามารถเดินออกไปรับลมภายนอกได้ด้วยนะ
ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Simulator Room
ภาพจำลองบรรยากาศส่วน Private Party Room บนชั้นสูงสุดของโครงการ ออกแบบพื้นที่แบบ Semi – outdoor สามารถนั่งพักผ่อน จิบไวน์ และชมวิวเมืองโดยรอบได้
:::: แบบห้องของโครงการ ::::
ห้องของโครงการจะมีอยู่ทั้งหมด 7 แบบหลักๆ ด้วยกัน ทั้งแบบ Simplex และ Duplex ดังนี้ค่ะ
- 1 Bedroom : 30 – 30.5 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus : 41 – 48 ตร.ม.
- 2 Bedroom : 47 – 58.5 ตร.ม.
- 3 Bedroom : 77.5 – 95 ตร.ม.
- 2 Bed Duplex : 84.5 – 100.5 ตร.ม.
- 3 Bed Duplex : 134 – 139.5 ตร.ม.
- Penthouse : 165 – 183 ตร.ม.
โดยโครงการขายห้องแบบ Fully Fitted ได้ เคาน์เตอร์ครัวพร้อม Hob&Hood, ห้องน้ำพร้อม Rain Shower และโถสุขภัณฑ์แบบ Washlet, เครื่องปรับอากาศแบบ Conceal Type ทั้งหมด ความพิเศษของห้องภายในโครงการนี้อีกอย่างนึงเลยก็คือ พื้นที่ระเบียงที่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะมีการจัดวาง Compressor เอาไว้ในส่วนของ Service Corridor แล้ว อีกทั้งยังได้ Digital Door Lock 4 ระบบ และระบบ Home Automation เราไปดูผังห้องด้วยกันเลยค่ะ
แบบห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 46.50 ตร.ม. เป็นห้องขนาด 1 ห้องนอนที่แยกสัดส่วนการใช้งานมาได้อย่างเหมาะสม ได้ทั้งครัวปิดพร้อมใช้งาน เพิ่มพื้นที่การพักผ่อนด้วยห้องอเนกประสงค์ ระเบียงใช้งานได้อย่างเต็มที่เพราะไม่ต้องตั้ง Compressor ห้องนอนวางเตียง King Size และทำ Walk – in Closet ได้ รวมถึง Rain Shower ภายในห้องน้ำที่กั้นส่วนให้เรียบร้อย
แบบห้อง 2 Bedroom ขนาด 58 ตร.ม. ความพิเศษของห้องนี้ก็คือเหมือนได้ Master Bedroom มาทั้ง 2 ห้อง ด้วยขนาดของพื้นที่ห้องนอนที่กว้างขวางวางเตียง King Size ได้ และการที่สามารถ Access สู่ห้องน้ำจากภายในห้องนอนได้เลย
แบบห้อง 3 Bedroom ขนาด 94.50 ตร.ม. ด้วยขนาดของห้องที่กว้างขวาง และด้วยหน้าห้องที่กว้างจึงได้ช่องแสงมาอย่างเพียงพอ ทำให้ห้องนี้สามารถรองรับการอยู่อาศัยแบบเป็นครอบครัวเหมือนอยู่ในบ้านหลังนึงได้จริงๆ
แบบห้อง 2 Bedroom Duplex ขนาด 84.50 ตร.ม. จุดเด่นของห้องนี้ก็คือมีการออกแบบเหมือน Pool Villa 2 ชั้น ชั้น 1 ฝ้าสูง 2.9 เมตร และชั้น 2 ฝ้าสูง 2.7 เมตร แยกส่วน Visitor และ Master ออกจากกันได้เป็นสัดส่วน ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องใน Condominium ทั่วๆ ไป
:::: ห้องตัวอย่าง ::::
วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo จะพาไปชมห้องตัวอย่าง 2 แบบด้วยกันคือ ห้อง 2 Bedroom Duplex ขนาด 84.50 ตร.ม. และ ห้อง 3 Bedroom ขนาด 94.50 ตร.ม. กันค่ะ ห้องขายแบบ Fully Fitted ได้ เคาน์เตอร์ครัวพร้อม Hob&Hood, ห้องน้ำพร้อม Rain Shower และโถสุขภัณฑ์แบบ Washlet, เครื่องปรับอากาศแบบ Conceal Type ทั้งหมด อีกทั้งยังได้ Digital Door Lock 4 ระบบ และระบบ Home Automation เราไปดูห้องตัวอย่างด้วยกันเลยค่ะ
::: แบบห้อง 2 Bedroom Duplex ขนาด 84.50 ตร.ม. :::
ห้อง 2 Bedroom Duplex ขนาด 84.50 ตร.ม. เป็นห้องที่มีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็นสัดส่วน ในส่วน Semi – private ไว้ที่ชั้นล่าง และส่วน Private ไว้ที่ชั้นบนทั้งหมด เข้ามาภายในห้องจะเจอส่วน Common Area ก่อน ประกอบด้วย ครัวแบบเปิด ส่วนรับประทานอาหาร และห้องนั่งเล่น เป็นโถงขนาดใหญ่เชื่อมต่อกันทั้งหมด และมีห้องน้ำอยู่ข้างๆ โถงทางเข้าเป็นห้องน้ำสำหรับแขก จากส่วน Common Area จะเชื่อมต่อกับระเบียงขนาดใหญ่ที่สามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนได้ และมี Outdoor Jacuzzi ให้อยู่ที่ระเบียงด้วย
ขึ้นไปที่ชั้นบนจะเป็นส่วนพักผ่อนทั้งหมดค่ะ จากโถงบันไดจะเชื่อมต่อไปยังห้องสปา, ห้องนอนเล็ก, ห้องนอนใหญ่ และห้องน้ำ โดยห้องนอนใหญ่จะมีประตูเชื่อมสู่ห้องน้ำได้โดยตรง เราจะเห็นความพิเศษของห้องอย่างนึงเลยก็คือ พื้นที่ระเบียงเป็นพื้นที่ที่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะมีการจัดวาง Compressor เอาไว้ในส่วนของ Service Corridor แล้วค่ะ
เริ่มจากประตูทางเข้าห้องใช้บาน HDF ปิดผิวลามิเนตขนาด Oversize สูงถึง 2.60 x 0.90 เมตร
ที่ประตูของทุกห้องจะได้ Digital Door Lock จาก Yale ติดมาให้แบบนี้ โดยรุ่นนี้จะรองรับการเปิดเข้าทั้ง 4 ระบบด้วยกัน ทั้ง รหัสทั้งหมด 10 Code, กุญแจ, ระบบ Biometrics สแกนลายนิ้วมือ และ Key Card Access ซึ่งถ้ามีการล็อคห้องจากภายในแล้ว จะต้องเป็นเจ้าของห้องหรือ Master เท่านั้นถึงจะสามารถเปิดประตูเข้าไปได้ เป็นจุดที่ช่วยสร้างความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอีกชั้นค่ะ
พื้นห้องทั้งหมดปูด้วย Engineering Wood ผิวหน้าไม้จริงหนา 12 มม. ข้อดีก็คือมีความทนทานกว่าลามิเนตและยังดูสวยงามกว่าด้วย
พอเข้ามาในห้องแล้วเราจะเจอส่วนโถงทางเดินก่อนเข้าสู่บริเวณ Common Area ฝั่งขวามือตรงโถงคือห้องน้ำค่ะ
ภาพมองย้อนกลับไปที่โถงทางเข้า เห็นพื้นที่ใช้งานหน้าห้องค่อนข้างกว้างสามารถเดินผ่านได้สะดวก
ตู้เก็บรองเท้า Built – in ฝั่งตรงข้ามกับห้องน้ำทางโครงการทำมาให้ดูเป็นไอเดียนะคะ เราสามารถออกแบบได้ตามที่เราต้องการเลย
เราจะเข้าไปดูภายในห้องน้ำกันก่อนค่ะ
ห้องน้ำห้องนี้เป็นแบบ Powder Room สำหรับ Visitor ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือญาติๆ ภายในตกแต่งด้วยกระเบื้องเซรามิกลายหินธรรมชาติทั้งพื้นและผนังขนาด 60 x 60 ซม. และใช้สุขภัณฑ์จากแบรนด์ Toto ทั้งหมด
บริเวณทางเข้าห้องน้ำกรุธรณีเพื่อเก็บงานระหว่างพื้น Engineering Wood และกระเบื้องเรียบร้อย เห็นพื้นที่ใช้สอยภายในมีระยะการใช้งานที่ดีไม่อึดอัด
เรามาดูรายละเอียดของสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำกันเลยค่ะ เริ่มจากอ่างล้างมือเป็นอ่างฝังบนเคาน์เตอร์สำเร็จรูป Top หินควอทซ์สีดำ ที่ใต้เคาน์เตอร์มีช่องให้สามารถเก็บของใช้อย่างพวกกระดาษชำระหรือผ้าเช็ดมือได้ โดยภายในจะมีช่องระบายอากาศทำให้ของที่เก็บไม่อับชื้น
ดีเทลมือจับบานเปิดค่ะ
อ่างล้างมือมีขนาดกำลังดี ซึ่งชิ้นนี้จะใช้ของ Roca นะคะ ส่วนก๊อกน้ำล้างมือเป็นแบบติดผนังสามารถปรับน้ำร้อนน้ำเย็นได้
เหนืออ่างล้างมือเราจะได้ตู้เก็บของติดกระจกเงามาให้ด้วยแบบนี้เลยค่ะ
ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียว ขนาดนั่งสบาย ติดตั้งมาพร้อมอุปกรณ์ประกอบการใช้งานทั้งที่แขวนกระดาษชำระและสายฉีดชำระ
ส่วนฝ้าเพดานจะเป็นฝ้าฉาบเรียบกันชื้น ติดดวงโคมดาวน์ไลท์ทรงกล่องสี่เหลี่ยมมาให้ พร้อมพัดลมดูดระบายอากาศ
จากโถงทางเดินจะเชื่อมกับส่วน Common Area ซึ่งเป็นโถงหลักขนาดใหญ่ ที่มีฝ้าเพดานสูงถึง 2.9 เมตร เป็นฝ้าฉาบเรียบทาสีขาวติดดวงโคมดาวน์ไลท์ทรงกล่องสี่เหลี่ยมมาให้ทั้งหมด ส่วนแอร์ใช้แบบ Conceal Type ทั้งหมด และผนังเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวเช่นกันค่ะ
จากส่วน Common Area เรามองย้อนกลับไปที่ส่วนครัวและส่วนรับประทานอาหาร
ชุดครัวชุดนี้เป็น Built – in ที่เราจะได้มากับตัวห้องด้วยเลยค่ะ มีช่องสำหรับเก็บจาน – ชาม ช้อน – ส้อม แก้วน้ำ อุปกรณ์สำหรับประกอบอาหาร และช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้า ให้มาเยอะพอสมควรเลย แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เห็นจะไม่ได้มาด้วยนะคะ ได้เฉพาะ Sink, Hob&Hood นะ
หน้าบานทั้งหมดเป็น High Gloss ส่วน Top เคาน์เตอร์และ Splash Board ใช้หินควอทซ์สีดำ
บนเคาน์เตอร์จะติดตั้งอ่างล้างจานแบบ 2 หลุมขนาดใหญ่ใช้งานได้จริง พร้อมก๊อกน้ำทรงสูงสามารถหมุนซ้าย – ขวาจากแบรนด์ Teka ค่ะ
ได้เตาเซรามิกขนาด 4 หัวสำหรับปรุงอาหารจาก Gorenje
มาพร้อมกับ Hood ของ Gorenje เช่นกัน
ติดกับพื้นที่ครัวก็คือส่วนรับประทานอาหาร ทางโครงการจัดโต๊ะขนาด 4 ที่นั่งมาให้ดู ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่กำลังลงตัวกับพื้นที่ค่ะ
พอวางโต๊ะแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ทางเดินได้โดยรอบ วันไหนมีแขกมาเพิ่มก็สามารถต่อเก้าอี้เพิ่มหัว – ท้ายได้อีก
ระยะระหว่างเคาน์เตอร์ครัวก็ยังมีพื้นที่เหลือเฟือ สามารถเดินผ่านและยืนปรุงอาหารได้สบายเลย
บริเวส่วนครัวและส่วนรับประทานอาหารจะมีประตูบานเลื่อนที่สามารถเปิดเชื่อมสู่พื้นที่ระเบียงห้องได้ โดยประตูจะใช้กรอบอลูมิเนียมติดกระจกลามิเนตแบบนี้ค่ะ
ซึ่งพื้นระเบียงจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 60 x 60 ซม. แบบผิวด้านกันลื่น
จุดเด่นของห้องนี้เลยก็คือมีพื้นที่ระเบียงที่กว้างขวางมากๆ สามารถจัดชุดโต๊ะน้ำชาหรือ Day Bed สำหรับพักผ่อน ชมวิวทิวทัศน์เมืองได้ไม่สะดุดด้วยราวกันตกแบบกระจกใส อีกส่วนนึงที่ทำให้พื้นที่ระเบียงสามารถถูกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ ทางโครงการได้ติดตั้ง Compressor เอาไว้ที่ Service Corridor ทำให้พื้นที่ระเบียงนั้นดูสวยงาม พื้นที่ใช้สอยก็สามารถใช้งานได้จริงทั้งหมด
มองไปทางฝั่งขวาของระเบียงจะมีสเต็ปเดินขึ้นไปยังส่วน Jacuzzi
ห้องแบบ Duplex ทุกห้องทางโครงการจะให้อ่างอาบน้ำแบบ Jacuzzi ที่ฝังพื้นตรงระเบียงมาให้ ยิ่งเป็นชั้นสูงๆ ยิ่งได้ดื่มด่ำบรรยากาศของวิวเมือง พร้อมแช่น้ำอุ่นๆ แบบส่วนตัวคือฟินสุดๆ ไม่ค่อยได้เห็นโครงการให้แบบนี้มา ส่วนตัวแล้วผู้เขียนถูกใจจุดนี้มาก
อ่างที่ได้จะเป็นของแบรนด์ Onzen มีปุ่มควบคุมอยู่ด้านข้างพร้อม Hand Shower ค่ะ
กลับเข้ามาภายในห้องเรามาดูส่วนนั่งเล่นกันต่อค่ะ
ทางโครงการจัดพื้นที่ส่วนนั่งเล่นเอาไว้ค่อนข้างกว้างขวาง เรียกว่าได้ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนเป็นอย่างมาก สามารถจัดวางโซฟารูปตัว L ขนาดใหญ่ได้อย่างลงตัว พร้อมกับอาร์มแชร์และโต๊ะกาแฟ ดูแล้วกำลังลงตัวพอดีกับพื้นที่
ฝั่งตรงข้ามเราสามารถวางชั้นวางทีวี หรือทำชั้น Built – in แบบโปร่ง เพื่อให้ห้องดูไม่ทึบและสามารถวางของได้เพิ่มเติม พอวางเฟอร์นิเจอร์แล้วจะมีระยะดูทีวีจากโซฟาอยู่ที่ประมาณ 2.5 เมตร ซึ่งขนาดทีวีที่เหมาะกับระยะสายตาอยู่ที่ขนาด 50 – 60 นิ้วค่ะ
จุดเด่นจุดนึงของห้องนี้เลยก็คือหน้าต่างบานเลื่อนที่สามารถเปิดได้ถึง 90 องศาแบบนี้ค่ะ วันไหนที่เราต้องการรับลมจากภายนอกก็สามารถเลื่อนเปิดหน้าต่างจนสุดได้แบบนี้ ซึ่งหน้าต่างจะใช้กรอบอลูมิเนียมสีดำติดกระจกลามิเนต ซึ่งส่วนนี้จะเป็นหน้าต่างแบบ Full Height Window ที่สูงถึง 6 เมตรเลยทีเดียว
หน้าต่างทั้ง 2 ฝั่งจะมาบรรจบกันแบบนี้ค่ะ ติดมือจับแบบเซาะร่องมาตรฐาน
เนื่องจากหน้าต่างมีขนาดค่อนข้างใหญ่และต่ำ ทางโครงการจึงออกแบบราวกันตกแบบกระจกใสมาให้ด้วยอีกชั้นเพื่อความปลอดภัย แต่เป็นส่วนที่ไม่รบกวนสายตาเวลานั่งมองวิวจากภายใน
คราวนี้เราจะขึ้นบันไดไปชมพื้นที่ใช้สอยบนชั้นบนกันต่อค่ะ พื้นบันไดที่ได้เป็นพื้นไม้จริงโครงสร้างเหล็ก ไฟลท์บันไดกว้างถึง 1.1 เมตร สามารถเดินขึ้น – ลง ได้สะดวก จริงๆ แล้วทางฝั่งขวามือทางโครงการจะติดราวบันไดกระจกกรอบอลูมิเนียมมาให้ด้วย ส่วนราวจับที่เซาะเข้าไปในผนังฝั่งซ้ายจะเป็นส่วนตกแต่งของห้องตัวอย่างให้ดูเป็นไอเดียค่ะ
พอขึ้นมาถึงชั้นบน บริเวณโถงบันไดก็จะมีราวกันตกกระจกกรอบอลูมิเนียมติดมาให้
ขึ้นมาถึงชั้นบน ส่วนโถงบันไดจะเป็นตัวที่เชื่อมต่อกับ Private Function ซึ่งพื้นชั้นบนก็จะปูด้วย Engineering Wood ผนังฉาบเรียบทาสี ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีติดดวงโคมดาวน์ไลท์ และมีความสูงฝ้าอยู่ที่ 2.7 เมตรเลย
หันไปทางฝั่งซ้ายมือจะเป็นส่วนของห้อง Spa และห้องนอนเล็ก
ส่วนฝั่งขวามือจะเป็นส่วนของห้องนอนใหญ่และห้องน้ำค่ะ
เรามาเริ่มต้นกันจากห้อง Spa กันก่อน
ห้อง Spa จะเป็นห้องที่มีเฉพาะอ่างอาบน้ำ ซึ่งดีไซน์แยกออกมาจากห้องน้ำเลยเพื่อให้ Traffic การใช้ห้องน้ำไม่ยุ่งมาก ไม่ต้องรอกันนาน ทั้งพื้นและผนังตกแต่งด้วยกระเบื้องเซรามิกลายหินธรรมชาติ
อ่างอาบน้ำที่ใช้เป็นแบบฝังของ Cristina ขนาดสำหรับนั่งอาบ ติดตั้งมาพร้อมกับก๊อกน้ำและ Hand Shower ข้างๆ อ่างเจาะช่องสำหรับวางพวกขวดสบู่ให้เพิ่มเติม
พวกก๊อกน้ำและ Hand Shower ที่ใช้จะเป็นของ Toto นะคะ มีขนาดกำลังดี ใช้อาบน้ำได้สะดวกเหมือนกัน
พื้นที่ระหว่างห้อง Spa และห้องนอนเล็กจะสามารถทำเป็นฟังก์ชั่นการใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะเขียนหนังสือ หรือจะทำ Built – in เพื่อเป็นตู้เก็บของหรือเก็บเสื้อผ้าเพิ่มเติมได้เลยนะ
คราวนี้เราจะเข้าไปดูภายในห้องนอนเล็กกันต่อ
ภายในห้องนอนเล็กเป็นห้องที่มีขนาดกระทัดรัดกำลังดี สามารถวางเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างลงตัว
ทางโครงการจัดวางเตียงนอนขนาด 3.5 ฟุตมาให้ดูเป็นตัวอย่าง จะเห็นว่ายังเหลือพื้นที่โดยรอบเตียงนอนให้เดินผ่านเพื่อเปิดหน้าต่างหรือเปลี่ยนผ้าปูที่นอนได้
ซึ่งห้องนี้เราจะได้ช่องแสงเป็นกระจกลามิเนตแบบบาน Fixed มาเต็มหน้าห้องเลย
ส่วนที่เปิดระบายอากาศได้จะเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งมี 1 บานค่ะ
ด้านข้างเตียงนอนยังสามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดมาตรฐานได้แบบนี้ ถ้าไม่พอก็สามารถใช้พื้นที่บริเวณหน้าห้องนอนทำเป็นตู้เสื้อผ้าเพิ่มอีก 1 ตู้ได้ค่ะ
และยังสามารถวางโต๊ะทำงานขนาดมาตรฐานได้อีก 1 ตัวด้วย
คราวนี้เรามาดูห้องนอนใหญ่ตามด้วยห้องน้ำปิดท้ายกันค่ะ
ห้องนอนใหญ่เป็นห้องที่มีขนาดกว้างขวางมากพอสมควรจึงสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างอิสระทีเดียว
พื้นที่ภายในห้องนอนสามารถจัดวางเตียง King Size ได้อย่างสบายๆ
พื้นที่ด้านข้างเตียงยังสามารถวางโต๊ะข้างและทำตู้เสื้อผ้า Built – in ขนาดมาตรฐานได้ 1 ตู้พอดี
มองไปที่ฝั่งปลายเตียง ห้องนี้จะได้ช่องแสงขนาดใหญ่มาถึง 2 ด้านเลยค่ะ โดยจะมีหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บานที่สามารถเปิดระบายอากาศได้
พื้นที่ฝั่งปลายเตียงก็ยังเหลือค่อนข้างเยอะเลยนะคะ สามารถวางโต๊ะทำงานและโต๊ะเครื่องแป้งได้ทั้ง 2 อย่าง
มาดูห้องน้ำเป็นห้องสุดท้ายค่ะ เราจะเห็นประตูทางฝั่งซ้ายมือนั่นก็คือประตูทางเข้าห้องน้ำจากห้องนอนใหญ่นั่นเอง จะเห็นว่าวัสดุและสุขภัณฑ์ที่ใช้จะไม่ต่างจากห้องน้ำชั้นล่างเลย
ในห้องน้ำนี้เราจะได้อ่างล้างมือแบบ His&Her สามารถใช้พร้อมกันได้ทั้ง 2 อ่าง
อ่างที่ได้มาก็จะเป็นอ่างจาก Roca ฝั่งบนเคาน์เตอร์หินควอทซ์ พร้อมก๊อกน้ำจาก Toto เหมือนเดิม
ส่วนโถสุขภัณฑ์จะตั้งอยู่ระหว่างประตูทางเข้าห้องน้ำทั้ง 2 บาน ติดตั้งราวแขวนผ้าเช็ดตัวมาให้ที่ผนังด้วย
ความพิเศษของห้องน้ำ Master ก็คือจะได้โถสุขภัณฑ์แบบ Washlet จากแบรนด์ Toto มาด้วย
โดยจะมีแผงควบคุมการใช้งานติดมาให้อยู่ที่ด้านข้างค่ะ
ในส่วนของ Shower ก็จะติดตั้งฉากกั้นกระจกนิรภัยมาให้เรียบร้อย
มือจับของบานเปิดมีขนาดใหญ่ ภายนอกสามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้ในตัว
พื้นที่ยืนอาบน้ำภายในก็มีขนาดกำลังดีค่ะไม่เล็กจนเกินไป
ผนังภายในติดตั้งชุด Rain Shower พร้อมฝักบัวสายอ่อนมาให้แบบนี้เลย ซึ่งชุดนี้ก็ใช้ของ Toto เช่นกันค่ะ
ขนาดของหัวฝักบัวกำลังดีเลยค่ะ ใช้งานได้สะดวก
::: แบบห้อง 3 Bedroom ขนาด 94.50 ตร.ม. :::
ห้อง 3 Bedroom ขนาด 94.50 ตร.ม. เป็นห้องที่มีเนื้อที่ห้องที่กว้างขวาง มีขนาดถึง 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีพื้นที่ส่วน Common Area ขนาดใหญ่ ทำให้ห้องนี้สามารถรองรับการอยู่อาศัยแบบเป็นครอบครัวเหมือนอยู่ในบ้านหลังนึงได้จริงๆ จุดเด่นของห้องนี้ก็คือหน้าห้องที่กว้างจึงได้ช่องแสงมาอย่างเพียงพอ Common Area ที่สามารถปรับขยายได้จากส่วน Semi – outdoor Balcony เพิ่มการใช้งานพื้นที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นพื้นที่ Indoor เมื่อไหร่ก็ได้ตามต้องการ อีกทั้งยังได้ครัวแบบปิดมาจึงสามารถใช้แทนครัวไทยได้เลย
เราเข้าไปดูภายในห้องตัวอย่างด้วยกันเลยค่ะ ประตูทางเข้าห้องใช้บาน HDF ปิดผิวลามิเนตขนาด Over Size สูงถึง 2.60 x 0.90 เมตร พร้อม Digital Door Lock จาก Yale ที่รองรับการเปิดเข้าทั้ง 4 ระบบด้วยกัน
เข้ามาภายในห้องเราจะเจอส่วนของ Common Area ก่อน ซึ่งจะเชื่อมต่อกับห้องครัว, ห้องนอน 2, ห้องนอน 3 และโถงทางเดินที่จะเชื่อม สู่ห้องน้ำ และห้องนอนใหญ่พร้อมห้องน้ำในตัว พื้นห้องทั้งหมดปูด้วย Engineering Wood ผิวหน้าไม้จริงหนา 12 มม. ผนังเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว
ฝ้าเพดานสูงถึง 2.9 เมตร เป็นฝ้าฉาบเรียบทาสีขาวติดดวงโคมดาวน์ไลท์ทรงกล่องสี่เหลี่ยมมาให้ทั้งหมด ส่วนแอร์ใช้แบบ Conceal Type ทั้งหมดเช่นกันค่ะ
ภาพมองย้อนกลับไปทางประตูทางเข้าห้อง จะเป็นส่วนรับประทานอาหาร และข้างๆ ฝั่งขวามือก็คือห้องครัวค่ะ
ภายในห้องนี้เราสามารถจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 6 ที่นั่งได้เลยนะ สามารถใช้รองรับในวันที่มีแขกมาได้เลยค่ะ
ห้องครัวกั้นส่วนด้วยประตูบานเลื่อนอลูมิเนียม 2 ตอนติดกระจกแบบนี้
พื้นภายในปูด้วยกระเบื้องเซรามิก มีข้อดีที่สามารถเช็ดทำความสะอาดพวกคราบน้ำมันและคราบอาหารได้ง่ายกว่า จะเห็นว่าพอวางเคาน์เตอร์แล้วก็ยังเหลือพื้นที่สำหรับยืนปรุงอาหารได้อย่างสะดวก
ภายในเราจะได้ชุดเคาน์เตอร์ครัวขนาดใหญ่เป็นรูปตัว L แบบนี้มาเลยค่ะ
มีช่องสำหรับเก็บจาน – ชาม ช้อน – ส้อม แก้วน้ำ และอุปกรณ์สำหรับประกอบอาหาร พร้อมติดตั้ง Sink, Hob&Hood
หน้าบานทั้งหมดเป็น High Gloss ส่วน Top เคาน์เตอร์และ Splash Board ใช้หินควอทซ์สีดำ
บนเคาน์เตอร์จะติดตั้งอ่างล้างจานแบบ 2 หลุมขนาดใหญ่ใช้งานได้จริง พร้อมก๊อกน้ำทรงสูงสามารถหมุนซ้าย – ขวาจากแบรนด์ Teka
เตาเซรามิกขนาด 4 หัวสำหรับปรุงอาหารมาพร้อมกับ Hood ของ Gorenje
กลับออกมาที่ Common Area เราจะมาดูส่วนนั่งเล่นกันต่อค่ะ
ส่วนนั่งเล่นของห้องนี้กว้างขวางทีเดียวนะคะ จริงๆ แล้วสามารถจัดวางโซฟารูปตัว L ขนาดใหญ่ได้อย่างลงตัว พร้อมกับอาร์มแชร์และโต๊ะกาแฟได้เลยนะ
และหากเปิดประตูบานเลื่อนเพื่อเชื่อมกับส่วนระเบียงก็จะทำให้ได้พื้นที่ห้องมากขึ้นอีก
ซึ่งระเบียงของห้องนี้จะเป็นพื้นที่แบบ Semi – outdoor ค่ะ ถ้าเราปิดประตูบานเลื่อนด้านนอกสุด พื้นที่ของระเบียงก็จะกลายเป็นพื้นที่ Indoor ให้เราใช้งานได้แล้ว
ที่พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิกให้ ราวกันตกระเบียงก็จะใช้กระจกใสแบบนี้ค่ะ เรียกว่าสามารถนั่งชมวิวได้แบบไม่มีสะดุดเลย
ส่วนพื้นที่ผนังระหว่างห้องนอน 3 และโถงทางเดิน เราสามารถวางชั้นวางทีวีได้แบบนี้ค่ะ
ภาพจากระเบียงมองย้อนกลับเข้าไปภายในห้อง
จาก Common Area เราจะเข้าไปดูห้องนอน 2 กันต่อ
ภายในห้องนอน 2 เป็นห้องที่มีขนาดเทียบเท่าห้องนอนใหญ่ได้เลยนะคะ เพียงแต่ว่าไม่มีห้องน้ำในตัวให้ก็เท่านั้นเอง พื้นที่ภายในห้องจึงสามารถจัดการได้ง่ายเลยเพราะเนื้อที่ห้องมีขนาดกว้างขวาง
สามารถวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้
และยังเหลือพื้นที่พอให้วางเตียงนอนขนาด King Size ได้เลย
พื้นที่ปลายเตียงก็ยังเหลือสามารถเดินผ่านและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนได้สะดวก หากใครที่ชอบดูทีวีก่อนนอนก็สามารถติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังได้ค่ะ
ในห้องนี้เราก็จะได้ช่องแสงมาเต็มหน้าห้องเหมือนเช่นเคย เป็นหน้าต่างบาน Fixed และบานกระทุ้งอีก 1 บาน
ตามด้วยห้องนอน 3 ที่อยู่ทางฝั่งซ้ายมือของชั้นวางทีวีกันต่อ
ห้องนอน 3 เป็นห้องที่มีขนาดเล็กที่สุด แต่ก็ยังนับว่ามีพื้นที่ห้องที่สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างลงตัว
ภายในห้องได้จัดวางเตียงนอนขนาด 3 ฟุตมาให้ดูเป็นไอเดีย แต่จริงๆ แล้วห้องนี้สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้เลยนะคะ
นอกจากนี้พื้นที่ภายในห้องก็ยังสามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดมาตรฐานและโต๊ะเครื่องแป้งได้อีกอย่างละ 1 ตัว
ซึ่งจากห้องนอน 3 ก็จะมีประตูทางเชื่อมสู่ห้องน้ำด้วยนะ
กลับออกมาที่ Common Area ที่เชื่อมต่อกับโถงทางเดินนำไปสูห้องน้ำและห้องนอนใหญ่
สังเกตที่ฝั่งขวามือของโถง เราสามารถทำชั้น Built – in เพื่อเก็บของได้เพิ่มเติมอีกเยอะเลย หรือใครที่มีเสื้อผ้าเยอะจะทำเป็นตู้เสื้อผ้าแทนก็ได้นะคะ
เดี๋ยวเราจะเข้าไปดูภายในห้องน้ำก่อน ตามด้วยห้องนอนใหญ่ปิดท้าย
ห้องน้ำห้องนี้จะเป็นห้องน้ำที่ใช้รวมระหว่าง Visitor ห้องนอน 2 และห้องนอน 3 ค่ะ โดยห้องนอน 3 จะมีอภิสิทธิ์นิดนึงตรงที่มีประตูทางเชื่อมเข้ามาภายในห้องน้ำได้เลย ส่วนวัสดุและสุขภัณฑ์จะใช้เหมือนห้องที่แล้วทุกประการ
เพราะต้องรองรับการใช้งานจาก Users จากทั้ง 2 ห้องนอน จึงออกแบบให้ห้องน้ำมีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีชั้นเก็บของค่อนข้างเยอะ
ด้านหลังกระจกเงาก็สามารถเก็บของใช้ส่วนตัวได้เต็มที่เลย
อีกฝั่งนึงวางโถสุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียวพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ประกอบการใช้งาน
และโซน Shower ที่ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำมาให้เรียบร้อย
ภายในติดตั้งชุดฝักบัวสายอ่อนมาให้แบบนี้
คราวนี้เราเข้าไปดูห้องนอนใหญ่กันต่อเลยค่ะ ส่วนแรกของห้องจะเป็นโถงทางเข้า ที่ฝั่งขวามือเราสามารถทำตู้เสื้อผ้า Built – in ขนาดใหญ่แบบนี้ได้เลย
ห้องนอนใหญ่เป็นห้องที่มีขนาดกว้างขวางมากๆ จึงสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างอิสระ
สามารถวางเตียงนอนขนาด King Size พร้อมโต๊ะข้างและโต๊ะเครื่องแป้งได้
โต๊ะเครื่องแป้งสามารถใช้ไซส์ขนาดนี้ได้เลยค่ะ
ส่วนพื้นที่ปลายเตียงก็สามารถวางชั้นวางทีวีพร้อมวางสตูลเพิ่มได้อีก 1 ตัว
ซึ่งผนังฝั่งนี้จะเป็นอีกจุดนึงที่เราสามารถทำตู้เสื้อผ้า Built – in ได้อีก 1 จุด
ในส่วนของช่องแสงเราก็ยังได้แบบเต็มหน้าห้องมาเหมือนเดิม พร้อมหน้าต่างบานกระทุ้งสำหรับระบายอากาศอีก 2 บาน
ภาพมองย้อนกลับ ภายในห้องนอนก็จะมีห้องน้ำในตัวด้วยค่ะ เป็นแบบ Sexy Bath
วัสดุและสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจะเหมือนกับห้องน้ำ Master ของห้องที่แล้วทุกประการเลย
แต่อ่างล้างมือจะได้แบบอ่างเดียวนะคะ ไม่ใช่แบบ His&Her
โถสุขภัณฑ์แบบ Washlet พร้อมรีโมทคอนโทรลบนผนัง
โซน Shower พร้อม Rain Shower และอ่างอาบน้ำขนาดนั่งอาบได้
เป็นอ่างแบบเดียวกับห้องที่แล้วทุกประการค่ะ
นอกจากนี้สวิตช์และปลั๊กไฟภายในห้องใช้ของ Art DNA ดีไซน์ใหม่ล่าสุด ซึ่งปลั๊กไฟจะมีให้ทั้งแบบฝังพื้นและฝังผนัง ความพิเศษก็คือมีปลั๊กที่สามารถเสียบ USB เพิ่มเติมได้ เป็นจุดที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนรุ่นใหม่ได้ดีทีเดียว
พร้อมระบบ Home Automation ภายในห้องทุกห้องมาเป็นตัวรับคำสั่งผ่าน Smart Home App ของโครงการ ได้มาห้องละ 1 ตัว ซึ่งสามารถใช้สั่งปิด – เปิดไฟ แอร์ รวมถึงลูกเล่นอื่นๆ ที่ต้องมาลองใช้งานกันดูค่ะ
:::: ราคา (มีนาคม 2562) ::::
- ราคาห้องเริ่มต้น 4.80 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยเริ่มต้น 150,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ 200,000 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 75 บาท /ตร.ม./เดือน
- เงินกองทุน 800 บาท /ตร.ม./ชำระครั้งเดียว
ลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดพิเศษในวันรับชมห้องตัวอย่าง คลิก : www.impressionekkamai.com
***ข้อมูลราคา และโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
:::: สรุป ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ โครงการตั้งอยู่บนถนนเอกมัยฝั่งตรงข้ามระหว่าง Big C และ Health Land ซึ่งถือว่าเป็น Prime Zone ของซอยเอกมัยซึ่งดังไม่แพ้ทองหล่อแล้ว เพราะเป็นแหล่งของการสังสรรค์และเข้าสังคม มีร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ๆ และห้างดัง อยู่ใกล้หลายแห่ง ทั้งนี้ทั้งนั้น ทำเลนี้ยังเป็นทำเลทองของย่านธุรกิจ และเป็นย่านที่อยู่อาศัยยอดนิยมของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ สาธารณูปโภคและความอุดมสมบูรณ์ให้แจกแจงทั้งหมดก็คงไม่จบค่ะ เพราะเรียกว่าครบทุกวงจร ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า, Community Mall, ร้านดังระดับ Hi-end ยันร้านข้างทางแนว Local แต่ลือชื่อเลยค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ถนนเอกมัยเป็นเส้นที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนเพชรบุรี ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่มีความติดหนึบ แต่หากเดินทางร่วมกับการใช้ทางลัดแล้วก็ถือว่าช่วยได้เยอะทีเดียว ยกตัวอย่างทางลัดที่สามารถใช้เลี่ยงรถติดตรงปากซอยเอกมัยได้ก็มี ซอยเอกมัย 10 หรือตรง Heath Land จะสามารถใช้วิ่งลัดเลาะมาออกที่บริเวณ ซอยสุขุมวิท 65 ได้ แต่ถ้าต้องการเข้าเมืองทางถนนพระราม 4 ก็จะมีซอยสุขุมวิท 36 และ 40 ฝั่งตรงข้าม ที่สามารถใช้เชื่อมไปออกพระราม 4 ได้ ส่วนซอยสุขุมวิท 42 ก็สามารถใช้เชื่อมจากถนนพระราม 4 กลับเข้ามายังถนนสุขุมวิทได้ค่ะ
อีกทั้งตัวโครงการยังใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์, ทางพิเศษศรีรัช และ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทั้งขาเข้าและออกเมืองอีกด้วย จะเห็นว่าจากโครงการนั้นสามารถเลือกใช้เส้นทางได้หลากหลาย และมีตัวช่วยลดปัญหาในเรื่องของการจราจรค่ะ
การเดินทางโดยรถสาธารณะ บนเส้นเอกมัยก็มีรถสาธารณะวิ่งผ่านอยู่ตลอดเวลา ส่วนคิววินมอเตอร์ไซค์ก็มีอยู่ตรงปากซอยเอกมัย 8 จากโครงการไปถึงรถไฟฟ้าสถานีเอกมัยโดยประมาณ 1 กม. ถ้าเดินไปจะใช้เวลา 12 นาที และถ้านั่งรถไปจะใช้เวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้นค่ะ
การออกแบบโครงการ และวัสดุ โครงการเป็นคอนโดมิเนียมระดับ Luxury มี 2 อาคาร อาคาร A สูง 25 ชั้น และอาคาร B สูง 43 ชั้น จำนวน 380 ยูนิต และอาคาร C เป็นอาคารจอดรถ สูง 9 ชั้น + ชั้นใต้ดิน 7 ชั้น บนเนื้อที่ 2 – 3 – 3.9 ไร่ มีห้อง 7 แบบคือ 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus, 2 Bedroom, 3 Bedroom, 2 Bed Duplex, 3 Bed Duplex และ Penthouse ขนาดเริ่มต้นที่ 30 – 183 ตร.ม. ออกแบบตัวอาคารมาในสไตล์ Futuristic ที่โดดเด่น หรูหรา และดูล้ำสมัย ซึ่งเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความทันสมัย ตกแต่งภายในด้วยสไตล์ Modern Luxury ที่เน้นการพักผ่อนหย่อนใจจากชีวิตเมืองที่เหนื่อยล้า
มีการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในห้องได้อย่างลงตัว สามารถใช้งานพื้นที่ได้เป็นอย่างดี มีการนำ Compressor ไปตั้งไว้ที่ Service Corridor เพื่อให้ลูกบ้านสามารถใช้พื้นที่ระเบียงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สิ่งที่น่าสนใจสำหรับห้องที่ได้เข้าไปรีวิวมาก็คือ ห้อง 2 Bed Duplex ที่สามารถเปิดหน้าต่างได้ถึง 90 องศา ส่วน Double Space ที่สูงถึง 6 เมตร ที่ช่วยทำให้ห้องโปร่งโล่ง รวมถึงอ่างอาบน้ำแบบ Jacuzzi ตรงระเบียงห้อง สามารถ Dip ตัวพร้อมชมวิวเมืองแบบเป็นส่วนตัวได้เลย ส่วนห้อง 3 Bed ก็มีจุดที่น่าประทับใจและสามารถใช้งานได้ดีตรงระเบียงแบบ Semi – outdoor สามารถใช้ขยายเป็นพื้นที่ส่วนห้องนั่งเล่นได้ นับว่าเป็นไอเดียที่ดีมากๆ เลยค่ะ
ทางโครงการตกแต่งห้องมาให้แบบ Fully Fitted ได้พวกงานครัว ห้องน้ำ และระบบปรับอากาศมาให้เรียบร้อยแล้ว วัสดุที่ให้มาค่อนข้างดีเลยค่ะ แต่ส่วนอื่นๆ จะเน้นให้ลูกค้าตกแต่งห้องเองมากกว่า เพื่อให้เหมาะสมกับความชอบและไลฟ์สไตล์ส่วนบุคคลมากที่สุด
สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย ที่นี่ให้ Facilities มาเยอะทีเดียวนะ เทียบกับจำนวนยูนิตของโครงการแล้วถือว่าดีมาก ไม่ว่าจะเป็น Lobby, Urban Forest Courtyard, Fitness, Yoga Room, Swimming Pool ขนาด 11 x 28 เมตร, Sauna, Simulator Room, Private Party Room, Impression Hall, Kids Room, Sky Garden, Auto Parking 85%, Super Car parking 15 คัน, EV Charger 4 จุด, Access Card Control System, CCTV และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
:::: คะแนน ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ |
8.15 |
อยู่บนถนนเอกมัยช่วง Prime Zone ใกล้รถไฟฟ้า BTS สามารถเชื่อมต่อทองหล่อได้สะดวก |
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว |
7.9 |
เชื่อมต่อสู่ถนนสายอื่นได้ง่ายแต่รถติด มีทางลัดเลาะพอสมควร และอยู่ใกล้ทางด่วนทั้งขาเข้าและขาออกเมือง |
การเดินทางโดยรถสาธารณะ |
8.1 |
มีรถสาธารณะวิ่งผ่านหน้าโครงการ อยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าสถานีเอกมัย ใกล้จุดเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้า |
บ้านและวัสดุ |
8.35 |
ออกแบบมาได้ดีค่ะ สวยและน่าใช้งาน มีความลงตัวของฟังก์ชั่น และได้ความเป็นส่วนตัว ตกแต่งมาให้แบบ Fully Fitted พร้อมห้องน้ำ, ครัว, ระบบปรับอากาศ และระบบ Home Automation |
สิ่งอำนวยความสะดวก |
8.7 |
สิ่งอำนวยความสะดวกมีมาให้อย่างครบครันและหลากหลาย ดูน่าใช้งาน ขนาดเพียงพอและเหมาะสมกับจำนวนยูนิตภายในโครงการ |
ความคุ้มค่ากับราคา |
8.1 |
โครงการเหมาะสำหรับครอบครัวตั้งแต่ 2 คน จนไปถึงครอบครัวใหญ่ ชอบความหรูหราแบบทันสมัย อยากได้ห้องที่สามารถตกแต่งเองได้ตามใจชอบ ชอบความเป็นย่านทองหล่อและเอกมัย ต้องการเดินทางด้วยรถสาธารณะสะดวก |
คะแนนรวมเฉลี่ย |
8.22 |
ดีมาก |
:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::
Tel : 02-029-9999
WEBSITE : https://www.impressionekkamai.com
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น